เทรดสินค้าโภคภัณฑ์

การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ประกอบไปด้วยสินค้าที่หลากหลายโดยถูกเทรดในตลาดแลกเปลี่ยนฟิวเจอร์สเป็นหลัก โดยสภาพเศรษฐกิจโลกส่งผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละชนิดในระดับที่แตกต่างกัน ปัจจัยที่ซับซ้อนมากมายส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานของ พลังงาน, โลหะ และ สินค้าทางการเกษตร ซึ่งสามารถส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรงเนื่องจากตลาดพยายามค้นหาราคาที่ทำให้เข้าสู่จุดดุลยภาพ

นักลงทุนสามารถใช้โอกาสในการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ได้ทุกช่องขอบเขตเวลาตั้งแต่ นาทีจนถึงรายปี โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะมีทิศทางต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตามอุปสงค์และอุปทานสามารถได้รับผลกระทบจาก อากาศ, ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์, เงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, การใช้จ่ายของผู้บริโภค และ สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆให้แก่นักลงทุนได้ตลอดเวลา

Eightcap ให้บริการคู่สกุลเงินแก่ลูกค้ามากกว่า 40 คู่ โดยที่คู่สกุลเงินหลักประกอบด้วยคู่ที่ได้รับความนิยมและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในตลาดและสามารถตรวจสอบได้ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายของ Eightcap

น้ำมันดิบเบรนท์ถูกสกัดจากทะเลทางตอนเหนือ ในขณะที่ WTI ถูกสกัดจากทางอเมริกาเหนือ โดยที่ WTI เป็นสิ่งที่เหมาะแก่การผลิตเชื้อเพลิงดีเซล แต่เบรนท์เหมาะกว่าในการผลิตน้ำมันเบนซิน
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆในการกำหนดราคาของน้ำมันทั้งสองประเภท น้ำมันมีต้นทุนการขนส่งดังนั้นสถานที่ของอุปสงค์ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อปริมาณการผลิตและสถานที่เก็บสินค้า

ที่ผ่านมาราคาของทั้งสองอย่างแตกต่างกันเพียงไม่กี่ดอลลาร์แต่ในทศวรรษล่าสุด เบรนท์มีราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงกว่า WTI ถึง 5-10 ดอลลาร์

ทองคำและแร่เงินมอบโอกาสการลงทุนทั้งจากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของตลาดโลกและการเก็งกำไรในช่วงเงินเฟ้อ ทั้งคู่เป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงและด้วยอุปทานที่จำกัดจึงทำให้แสดงมูลค่าที่แท้จริงในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและเงินเฟ้อ

ปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อทองคำและแร่เงินในลักษณะเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันบางประการ ในขณะที่ราคาของโลหะมีค่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจาก ความชื่นชอบความเสี่ยงของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ (รวมถึงพันธบัตร, หุ้น และ สินค้าโภคภัณฑ์) เหตุการณ์ทาภูมิรัฐศาสตร์ การคาดการณ์เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และ ความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมขุดเหมืองเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทองคำที่ถูกขุดพบยังคงอยู่แต่แร่เงินนั้นถูกใช้ในขั้นตอนอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมาถูกใช้ในอุตสหากรรมภาพถ่ายและถูกใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน ส่งผลให้อุปทานมวลรวมของแร่เงินลดลงอย่างต่อเนื่องและมีผลต่อราคาของแร่เงิน